พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4
ลิงก์หนังสือ เล่ม 1: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MTEwMyI7fQ ======================= ลิงก์หนังสือ เล่ม 2: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MTEwNSI7fQ ====================== ลิงก์หนังสือ เล่ม 3: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MzMxOCI7fQ ====================== ลิงก์หนังสือ เล่ม 4: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MzMyMCI7fQKeurig K-Mini Single Serve K-Cup Pod Coffee Maker, Poppy Red
Friday, August 22, 2025
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4 #ebooks
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4 #ebooks
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1
เริ่มต้นทำความเข้าใจโลกการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างมืออาชีพ!
สำหรับนักศึกษา นักการทูต หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่กว้างขึ้น พจนานุกรมฉบับนี้คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ
ภายในเล่ม 1 ประกอบด้วย 3 หมวดวิชาสำคัญที่ครอบคลุมประเด็นหลักของโลกการทูต ได้แก่:
ศัพท์หมวดกฎหมายระหว่างประเทศ: เข้าใจหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ
ศัพท์หมวดการควบคุมอาวุธและการลดกำลังรบ: เจาะลึกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสันติภาพของโลก
ศัพท์หมวดธรรมชาติและบทบาทของการทูต: เรียนรู้แก่นแท้และหน้าที่ของการทูตในโลกยุคใหม่
อย่ารอช้า! ดาวน์โหลดทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเรียนรู้และทำงานของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น!
Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MTEwMyI7fQ
====================
อย่าปล่อยให้โลกแซงหน้า! พจนานุกรมเล่มนี้จะทำให้คุณเท่าทันโลกการเมืองระหว่างประเทศ!
คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมมหาอำนาจถึงตัดสินใจแบบนั้น? ทำไมนโยบายของแต่ละประเทศถึงส่งผลกระทบต่อชีวิตเรา? คำตอบทั้งหมดอยู่ใน "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 2"
พจนานุกรมฉบับนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 3 หมวดวิชาสำคัญที่ทุกคนต้องรู้!
ศัพท์หมวดชาตินิยม จักรวรรดินิยมและลัทธิล่าอาณานิคม: ทำความเข้าใจรากเหง้าของความขัดแย้งและอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อนโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศ: เรียนรู้ศัพท์สำคัญที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และเข้าใจการตัดสินใจของรัฐบาลทั่วโลก
ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกา: เจาะลึกนโยบายของประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก เพื่อที่คุณจะเข้าใจทิศทางของโลกในอนาคต
ใครที่อยากรู้เท่าทันโลกการเมืองต้องมีเล่มนี้! ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักวิเคราะห์ หรือแค่คนที่อยากเข้าใจข่าวสาร พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าหากันได้อย่างชัดเจน
กดซื้อเลย! แล้วคุณจะมองโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MTEwNSI7fQ
=====================
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 3
พจนานุกรมเล่ม 3 ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกได้ลึกขึ้น!
สำหรับผู้ที่ทำงานด้านการต่างประเทศ นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ ภายในเล่มประกอบด้วย 3 หมวดสำคัญ ที่จะทำให้คุณไม่ตกข่าวและเข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที:
ศัพท์หมวดภูมิศาสตร์และประชากร: เข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับพื้นที่และผู้คน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์โลกได้อย่างรอบด้าน
ศัพท์หมวดสงครามและนโยบายทางการทหาร: เจาะลึกคำศัพท์ที่ใช้ในบริบทความขัดแย้งและนโยบายด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ
ศัพท์หมวดองค์การระหว่างประเทศ: เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับองค์กรระดับโลก เพื่อเข้าใจบทบาทและอิทธิพลขององค์กรเหล่านั้นในเวทีโลก
ดาวน์โหลดตอนนี้! เพื่อเพิ่มความเข้าใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MzMxOCI7fQ
=======================
โลกกำลังเปลี่ยนไป! คุณพร้อมหรือยัง?
นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างแท้จริง!
เล่มนี้คือบทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่จะทำให้คุณเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังของโลกใบนี้! "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 4 (เล่มจบ)"
ในเล่มสุดท้ายนี้ คุณจะได้พบกับ 2 หมวดวิชาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน:
ศัพท์หมวดอุดมการณ์และการสื่อสาร: เข้าใจถึงพลังที่ขับเคลื่อนสังคมและการเมืองโลก และกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้
ศัพท์หมวดเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ: ไขความลับของระบบเศรษฐกิจโลก การค้า การลงทุน และผลกระทบที่ส่งตรงถึงชีวิตประจำวันของเราทุกคน
อย่าปล่อยให้ความเข้าใจของคุณขาดหายไป! เล่มนี้จะช่วยเติมเต็มทุกช่องว่างที่เหลืออยู่ และทำให้คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบด้านอย่างแท้จริง
ซื้อเลย! เพื่อปิดท้ายคอลเลกชันความรู้ของคุณให้สมบูรณ์แบบ!
Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MzMyMCI7fQ
====================
ข้อแนะนำเกี่ยวกับการสอบเป็น นักการทูต กระทรวงการต่างประเทศ
ข้อแนะนำเกี่ยวกับการสอบเป็น นักการทูต กระทรวงการต่างประเทศ
ข้อแนะนำนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางและเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่เตรียมตัวสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นนักการทูตปฏิบัติการ กระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากภารกิจของนักการทูตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศของชาติ และเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถรอบด้านทั้งในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย และภาษาต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ ข้อแนะนำที่รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้จึงครอบคลุมทุกส่วนของการสอบ ทั้งในด้านความรู้ทั่วไป ความรู้เฉพาะด้านการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ผู้จัดทำได้ศึกษาแนวทางการออกข้อสอบในปีก่อนๆ อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาจะสามารถช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและคุ้นเคยกับรูปแบบคำถามที่อาจต้องเจอในการสอบจริง
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อแนะนำ "เกี่ยวกับการสอบเป็น นักการทูต กระทรวงการต่างประเทศ" ชุดนี้นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้อ่านทุกท่าน และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ความฝันในการเป็นนักการทูตของคุณเป็นจริงได้ในที่สุด
===============
หมวดที่ 1: ความรู้ด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ
หัวข้อด้านล่างนี้เป็นหัวข้อที่มักจะถูกใช้ในการออกข้อสอบเพื่อวัดความรู้ทั่วไปด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ
-การเมืองและการปกครองของไทย
ประวัติศาสตร์การเมือง: เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475, การรัฐประหารที่สำคัญ และรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ
-โครงสร้างการปกครอง: ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, อำนาจทั้ง 3 (นิติบัญญัติ, บริหาร, ตุลาการ) และบทบาทขององค์กรอิสระ
-นโยบายรัฐบาล: นโยบายสำคัญในปัจจุบัน เช่น นโยบายเศรษฐกิจ, สังคม และการต่างประเทศ
-การเมืองและการปกครองของต่างประเทศ
ระบบการเมืองหลักของโลก: ระบบประชาธิปไตย, สังคมนิยม, คอมมิวนิสต์ และเผด็จการ (ตัวอย่าง: สหรัฐอเมริกา, จีน, รัสเซีย)
-เหตุการณ์สำคัญของโลก: สงครามในยูเครน, ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ
-องค์การระหว่างประเทศ: บทบาทและหน้าที่ขององค์กรสำคัญ เช่น สหประชาชาติ (UN), สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN), และสหภาพยุโรป (EU)
-เศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ
นโยบายเศรษฐกิจของไทย: แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นโยบายการเงินและการคลังของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง, และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
-เศรษฐกิจโลก: ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เช่น ภาวะเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, ราคาน้ำมัน, และสงครามการค้า
-กลุ่มเศรษฐกิจสำคัญ: ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และความตกลงการค้าเสรี (FTA)
-ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์: ทฤษฎีสำคัญที่นักการทูตควรรู้ เช่น เศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค และหลักการเศรษฐกิจพอเพียง
=====================
หมวดที่ 2: ความรู้ด้านสังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยี
-ความรู้ด้านสังคมและวัฒนธรรม
สังคมไทย: ลักษณะเฉพาะของสังคมไทย เช่น ระบบอุปถัมภ์, ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และศาสนา รวมถึงความท้าทายทางสังคมที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น ความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
-วัฒนธรรมโลก: ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy)
-สิทธิมนุษยชน: หลักการสากลและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ รวมถึงบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
-ความรู้ด้านเทคโนโลยี
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี: แนวโน้มและผลกระทบของเทคโนโลยีที่พลิกโฉมโลก เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีควอนตัม, และเทคโนโลยีชีวภาพ
-ภัยคุกคามทางไซเบอร์: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์และแนวทางรับมือภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและเศรษฐกิจ
-นวัตกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน: บทบาทของเทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ส่วนที่ 2: ความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ (Foreign Language)
หมวดที่ 1: ภาษาอังกฤษ
ความรู้ด้านภาษาอังกฤษ
ไวยากรณ์ (Grammar)
Tenses: ความเข้าใจและการใช้ Present, Past และ Future Tenses
Parts of Speech: การใช้คำนาม (Nouns), คำสรรพนาม (Pronouns), คำกริยา (Verbs), คำคุณศัพท์ (Adjectives) และคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) อย่างถูกต้อง
โครงสร้างประโยค (Sentence Structure): ประโยคที่ซับซ้อน (Complex Sentences), ประโยคความรวม (Compound Sentences) และการใช้เครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation)
Conditional Sentences: การใช้ประโยค If-Clause ในรูปแบบต่างๆ
Active and Passive Voice: ความสามารถในการเปลี่ยนประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice และในทางกลับกัน
คำศัพท์ (Vocabulary)
คำศัพท์ทั่วไป: คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในการสื่อสารทั่วไป
คำศัพท์เฉพาะทาง: คำศัพท์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมาย และการทูต
Idioms and Phrasal Verbs: สำนวนและวลีที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่เป็นทางการ
การอ่าน (Reading Comprehension)
การจับใจความหลัก: ความสามารถในการอ่านบทความ สรุปประเด็นสำคัญ และเข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้เขียน
การวิเคราะห์บทความ: การทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน เช่น บทความจากวารสารวิชาการ รายงานข่าว หรือเอกสารทางการทูต
การอ่านเร็ว: การสแกน (Scanning) และการอ่านแบบกวาดสายตา (Skimming) เพื่อหาข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
การเขียน (Writing)
การเขียนเรียงความ: การเขียนเรียงความเชิงวิเคราะห์และเชิงโต้แย้งที่มีโครงสร้างชัดเจน
การสรุปความ: การย่อความจากข้อความยาวๆ ให้สั้นกระชับแต่ได้ใจความครบถ้วน
การเขียนจดหมาย: การเขียนจดหมายทางการ (Formal Letters) และการเขียนอีเมลในบริบทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
หมวดที่ 2: ภาษาที่สาม (ถ้ามี)
ในหมวดนี้จะครอบคลุมภาษาที่สาม ซึ่งมักจะเน้นภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศ เช่น จีน, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, สเปน, เยอรมัน, หรือรัสเซีย
ภาษาที่สาม
ความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ (Grammar and Vocabulary)
ไวยากรณ์พื้นฐาน: ความเข้าใจโครงสร้างประโยคเบื้องต้น การผันคำกริยา และการใช้คำบุพบท
คำศัพท์ทั่วไป: คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย, การแนะนำตัว, และการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว
คำศัพท์เฉพาะทาง: คำศัพท์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการทูตที่ใช้ในภาษานั้น ๆ
ทักษะการอ่าน (Reading Skills)
การอ่านเพื่อจับใจความ: ความสามารถในการอ่านบทความสั้น ๆ เช่น ข่าว, จดหมาย หรือรายงาน เพื่อสรุปใจความสำคัญได้
การทำความเข้าใจบริบท: การตีความความหมายจากบริบทของประโยคหรือย่อหน้า
การสอบภาษาที่สามมักจะมุ่งเน้นความสามารถในการสื่อสารในระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับกลาง เพื่อประเมินความพร้อมในการเรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต
=====================
หมวดที่ 3: ความรู้เฉพาะตำแหน่ง (Specialized Knowledge)
หมวดที่ 1: การทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
-การทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หลักการและหน้าที่ทางการทูต
ความหมายของการทูต: ทำความเข้าใจว่าการทูตคืออะไร, บทบาทของนักการทูต, และทำไมการทูตจึงมีความสำคัญต่อรัฐ
-เครื่องมือทางการทูต: การเจรจา, การทำสนธิสัญญา, การประชุม, และการใช้การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy)
-การทูตหลายฝ่าย (Multilateral Diplomacy): บทบาทของนักการทูตในองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) และอาเซียน (ASEAN)
-ประวัติศาสตร์การทูตไทย
ยุคเริ่มต้น: ความสัมพันธ์ของสยามกับชาติตะวันตกในอดีต (เช่น สนธิสัญญาเบาว์ริง)
-ยุคสงครามโลก: บทบาทของไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
-ยุคปัจจุบัน: พัฒนาการของนโยบายการต่างประเทศของไทยตั้งแต่หลังสงครามเย็นจนถึงปัจจุบัน
-บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ
โครงสร้างและภารกิจ: โครงสร้างของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานในสังกัด เช่น กรมต่างๆ และสถานเอกอัครราชทูต
-บทบาทสำคัญ: การคุ้มครองผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ, การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติ, และการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในเวทีโลก
-สนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศที่สำคัญ
กฎหมายระหว่างประเทศ: หลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศที่นักการทูตควรรู้ เช่น สิทธิอธิปไตยของรัฐ, การไม่แทรกแซงกิจการภายใน, และสนธิสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา
-สนธิสัญญาสำคัญ: ความรู้เกี่ยวกับสนธิสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (WTO), การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement) และความมั่นคง (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons)
แนวคิดใหม่: ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นร่วมสมัยในกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ, การก่อการร้าย, และความมั่นคงทางทะเล
=====================
หมวดที่ 2: สถานการณ์โลกและนโยบายต่างประเทศของไทย
สถานการณ์โลกและนโยบายต่างประเทศของไทย
นโยบายการต่างประเทศของไทย
-หลักการพื้นฐาน: ความเป็นกลาง, การรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ, การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ
-นโยบายในภูมิภาค: บทบาทของไทยในอาเซียน, ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และแนวทางการรับมือประเด็นความมั่นคงชายแดน
-นโยบายต่อมหาอำนาจ: การรักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา, จีน และมหาอำนาจอื่น ๆ
-สถานการณ์โลกในปัจจุบัน
ความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ: สาเหตุและผลกระทบของสงครามในยูเครน, สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง, และประเด็นความมั่นคงในทะเลจีนใต้
-ประเด็นข้ามชาติ: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การก่อการร้าย, อาชญากรรมข้ามชาติ, การอพยพย้ายถิ่นฐาน และการแพร่ระบาดของโรค
-การแข่งขันทางเศรษฐกิจและการค้า: สงครามการค้า, การกีดกันทางการค้า และบทบาทขององค์กรเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น WTO และ APEC
-การทูตในยุคดิจิทัล
การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy): การใช้สื่อสังคมออนไลน์และเครื่องมือดิจิทัลในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
-ภัยคุกคามทางไซเบอร์: การทูตด้านความมั่นคงไซเบอร์และแนวทางการทำงานร่วมกับนานาชาติเพื่อรับมือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่
=====================
สำหรับหนังสือที่จะเป็นนักการทูต ควรมีและควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง ดูข้างล่างนี้ครับ
=====================
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4 #ebooks
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1
เริ่มต้นทำความเข้าใจโลกการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างมืออาชีพ!
สำหรับนักศึกษา นักการทูต หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่กว้างขึ้น พจนานุกรมฉบับนี้คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ
ภายในเล่ม 1 ประกอบด้วย 3 หมวดวิชาสำคัญที่ครอบคลุมประเด็นหลักของโลกการทูต ได้แก่:
ศัพท์หมวดกฎหมายระหว่างประเทศ: เข้าใจหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ
ศัพท์หมวดการควบคุมอาวุธและการลดกำลังรบ: เจาะลึกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสันติภาพของโลก
ศัพท์หมวดธรรมชาติและบทบาทของการทูต: เรียนรู้แก่นแท้และหน้าที่ของการทูตในโลกยุคใหม่
อย่ารอช้า! ดาวน์โหลดทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเรียนรู้และทำงานของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น!
====================
อย่าปล่อยให้โลกแซงหน้า! พจนานุกรมเล่มนี้จะทำให้คุณเท่าทันโลกการเมืองระหว่างประเทศ!
คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมมหาอำนาจถึงตัดสินใจแบบนั้น? ทำไมนโยบายของแต่ละประเทศถึงส่งผลกระทบต่อชีวิตเรา? คำตอบทั้งหมดอยู่ใน "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 2"
พจนานุกรมฉบับนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 3 หมวดวิชาสำคัญที่ทุกคนต้องรู้!
ศัพท์หมวดชาตินิยม จักรวรรดินิยมและลัทธิล่าอาณานิคม: ทำความเข้าใจรากเหง้าของความขัดแย้งและอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อนโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศ: เรียนรู้ศัพท์สำคัญที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และเข้าใจการตัดสินใจของรัฐบาลทั่วโลก
ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกา: เจาะลึกนโยบายของประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก เพื่อที่คุณจะเข้าใจทิศทางของโลกในอนาคต
ใครที่อยากรู้เท่าทันโลกการเมืองต้องมีเล่มนี้! ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักวิเคราะห์ หรือแค่คนที่อยากเข้าใจข่าวสาร พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าหากันได้อย่างชัดเจน
กดซื้อเลย! แล้วคุณจะมองโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
=====================
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 3
พจนานุกรมเล่ม 3 ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกได้ลึกขึ้น!
สำหรับผู้ที่ทำงานด้านการต่างประเทศ นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ ภายในเล่มประกอบด้วย 3 หมวดสำคัญ ที่จะทำให้คุณไม่ตกข่าวและเข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที:
ศัพท์หมวดภูมิศาสตร์และประชากร: เข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับพื้นที่และผู้คน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์โลกได้อย่างรอบด้าน
ศัพท์หมวดสงครามและนโยบายทางการทหาร: เจาะลึกคำศัพท์ที่ใช้ในบริบทความขัดแย้งและนโยบายด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ
ศัพท์หมวดองค์การระหว่างประเทศ: เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับองค์กรระดับโลก เพื่อเข้าใจบทบาทและอิทธิพลขององค์กรเหล่านั้นในเวทีโลก
ดาวน์โหลดตอนนี้! เพื่อเพิ่มความเข้าใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
=======================
โลกกำลังเปลี่ยนไป! คุณพร้อมหรือยัง?
นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างแท้จริง!
เล่มนี้คือบทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่จะทำให้คุณเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังของโลกใบนี้! "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 4 (เล่มจบ)"
ในเล่มสุดท้ายนี้ คุณจะได้พบกับ 2 หมวดวิชาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน:
ศัพท์หมวดอุดมการณ์และการสื่อสาร: เข้าใจถึงพลังที่ขับเคลื่อนสังคมและการเมืองโลก และกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้
ศัพท์หมวดเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ: ไขความลับของระบบเศรษฐกิจโลก การค้า การลงทุน และผลกระทบที่ส่งตรงถึงชีวิตประจำวันของเราทุกคน
อย่าปล่อยให้ความเข้าใจของคุณขาดหายไป! เล่มนี้จะช่วยเติมเต็มทุกช่องว่างที่เหลืออยู่ และทำให้คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบด้านอย่างแท้จริง
ซื้อเลย! เพื่อปิดท้ายคอลเลกชันความรู้ของคุณให้สมบูรณ์แบบ!
====================
Wednesday, October 21, 2009
Agency For International Development (AID)
หน่วยงานพัฒนาระหว่างประเทศ (เอไอดี)
หน่วยงานกึ่งอัตโนมัติที่ปฏิบัติงานเป็นองค์ประกอบหนึ่งของหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศ (ไอดีซีเอ) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1979 เอไอดีขณะนี้ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการของไอดีซีเอ และทำหน้าที่บริหารความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศทางด้านเศรษฐกิจและด้านเทคนิค โดยประสานโครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนความมั่นคงและอำนวยการทางด้านเศรษฐกิจของโครงการอาหารเพื่อสันติภาพ หากเกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับผู้อำนวยการของไอดีซีเอเกี่ยวกับนโยบายการให้ความช่วยเหลือ ก็ให้ประธานาธิบดีเป็นผู้ตัดสิน
ความสำคัญ นับตั้งแต่ยุคที่ได้มี "แผนมาร์แชล" เป็นต้นมา ได้เกิดปัญหาการจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างโครงการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศ การจัดระบบเกี่ยวกับเรื่องนี้จะมีลักษณะกวัดแกว่ง คือ ทางหนึ่งก็ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศควบคุมนโยบายต่างประเทศทางด้านเศรษฐกิจ แต่อีกทางหนึ่งก็ไม่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ เข้าไปมีส่วนในด้านปฏิบัติการในต่างประเทศของนโยบายดังกล่าว ในทำนองเดียวกันนี้ก็ได้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ทางด้านการบริหารระหว่างโครงการให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจกับโครงการให้ความช่วยเหลือทางด้านการทหาร บทบาทของเอไอดีที่อยู่ภายใต้การกำกับของไอดีซีเอนี้มีลักษณะเป็นการประนีประนอม คือ มีบทบาท (1) เน้นใช้แผนพัฒนาระยะยาว (2) รับผิดชอบในเชิงปฏิบัติการ (3) ประสานโครงการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ในแต่ละประเทศ เมื่อได้จัดตั้งไอดีซีเอเป็นหน่วยงานอิสระแต่ให้ผู้อำนวยขึ้นต่อรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศเช่นนี้ พวกผู้เชี่ยวชาญทางด้านบริหารเชื่อว่า พวกตนสามารถแก้ปัญหาในเรื่องที่ว่าควรจะเอาเอไอดีไปไว้ที่ไหนได้ ในทางปฏิบัตินั้น ไอดีซีเอและกระทรวงการคลังจะทำงานใกล้ชิดกับ (1) สหประชาชาติ (2) องค์การรัฐอเมริกา (โอเอเอส) (3) กลุ่มธนาคารโลก (ไอบีอาร์ดี) (4) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (5) ธนาคารพัฒนาในระดับภูมิภาคต่าง ๆ ในการให้การสนับสนุนเพื่อให้บรรลุถึงความทันสมัยของประเทศที่กำลังพัฒนา ในช่วงทศวรรษ 1980 เอไอดีมีผู้แทนถาวรประจำอยู่ในประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจในแบบทวิภาคีจากสหรัฐอเมริกามีจำนวนถึง88 ประเทศ
หน่วยงานกึ่งอัตโนมัติที่ปฏิบัติงานเป็นองค์ประกอบหนึ่งของหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศ (ไอดีซีเอ) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1979 เอไอดีขณะนี้ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการของไอดีซีเอ และทำหน้าที่บริหารความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศทางด้านเศรษฐกิจและด้านเทคนิค โดยประสานโครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนความมั่นคงและอำนวยการทางด้านเศรษฐกิจของโครงการอาหารเพื่อสันติภาพ หากเกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับผู้อำนวยการของไอดีซีเอเกี่ยวกับนโยบายการให้ความช่วยเหลือ ก็ให้ประธานาธิบดีเป็นผู้ตัดสิน
ความสำคัญ นับตั้งแต่ยุคที่ได้มี "แผนมาร์แชล" เป็นต้นมา ได้เกิดปัญหาการจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างโครงการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศ การจัดระบบเกี่ยวกับเรื่องนี้จะมีลักษณะกวัดแกว่ง คือ ทางหนึ่งก็ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศควบคุมนโยบายต่างประเทศทางด้านเศรษฐกิจ แต่อีกทางหนึ่งก็ไม่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ เข้าไปมีส่วนในด้านปฏิบัติการในต่างประเทศของนโยบายดังกล่าว ในทำนองเดียวกันนี้ก็ได้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ทางด้านการบริหารระหว่างโครงการให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจกับโครงการให้ความช่วยเหลือทางด้านการทหาร บทบาทของเอไอดีที่อยู่ภายใต้การกำกับของไอดีซีเอนี้มีลักษณะเป็นการประนีประนอม คือ มีบทบาท (1) เน้นใช้แผนพัฒนาระยะยาว (2) รับผิดชอบในเชิงปฏิบัติการ (3) ประสานโครงการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ในแต่ละประเทศ เมื่อได้จัดตั้งไอดีซีเอเป็นหน่วยงานอิสระแต่ให้ผู้อำนวยขึ้นต่อรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศเช่นนี้ พวกผู้เชี่ยวชาญทางด้านบริหารเชื่อว่า พวกตนสามารถแก้ปัญหาในเรื่องที่ว่าควรจะเอาเอไอดีไปไว้ที่ไหนได้ ในทางปฏิบัตินั้น ไอดีซีเอและกระทรวงการคลังจะทำงานใกล้ชิดกับ (1) สหประชาชาติ (2) องค์การรัฐอเมริกา (โอเอเอส) (3) กลุ่มธนาคารโลก (ไอบีอาร์ดี) (4) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (5) ธนาคารพัฒนาในระดับภูมิภาคต่าง ๆ ในการให้การสนับสนุนเพื่อให้บรรลุถึงความทันสมัยของประเทศที่กำลังพัฒนา ในช่วงทศวรรษ 1980 เอไอดีมีผู้แทนถาวรประจำอยู่ในประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจในแบบทวิภาคีจากสหรัฐอเมริกามีจำนวนถึง88 ประเทศ
Alliance for progress
พันธมิตรเพื่อความก้าวหน้า
โครงการพัฒนาระยะ 10 ปีสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา ที่เสนอแนะโดยประธานธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี และได้รับการจัดตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1961ที่เมืองปุนตา เดล เอสเต ประเทศอุรุกวัย โดยประเทศสาธารณรัฐต่าง ๆ ในทวีปอเมริการทุกประเทศยกเว้นประเทศคิวบา แผนพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้านี้เป็นการรวมพลังความพยายามที่จะสนองความต้องการที่จะสร้างความทันสมัยให้เกิดขึ้นในภูมิภาค โดยวิธีให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันและการช่วยตนเองไปพร้อม ๆ กัน สหรัฐอเมริกาคาดการณ์ไว้ว่าในช่วงที่ดำเนินโครงการพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้าระยะเวลา 10 ปี จะมีเงินทุนจากภาครัฐบาลและภาคเอกชนไหลเข้าไปมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักลงทุนภาคเอกชนของประเทศที่มีทุนเหลือเฟือภายนอกภูมิภาค อย่างไรก็ตามประเทศผู้เข้าร่วมโครงการได้ให้การรับรองว่า ในที่สุดแล้วประเทศในแถบละตินอเมริกาเองก็จะต้องออกเงินสมทบอีก 4 เท่าตัวของเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อจะให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ โครงการพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้าเรียกร้องดังนี้ (1) ให้มีการวางแผนในระดับภูมิภาคโดยคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจและสังคมระหว่างรัฐในทวีปอเมริกา และโดยคณะกรรมการพัฒนาระหว่างรัฐในทวีปอเมริกา (2) ให้มีการร่วมมือและมีบูรณาการทางเศรษฐกิจ (3) ให้สร้างเสถียรภาพแก่ราคาสินค้าส่งออก (4) ให้ปฏิรูปที่ดินและภาษี (5) ให้พัฒนาอุตสาหกรรม และ (6) ให้ปรับปรุงสุขอนามัยและโอกาสทางการศึกษา
ความสำคัญ โครงการพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้านี้เข้าลักษณะ ”ท่าดีแต่ทีเหลว”เป็นไปอย่างอืดอาดยืดยาดในท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้งและสาดโคลนเข้าใส่กัน ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็สามารถอธิบายได้ว่า มาจากโครงการ ฯ มีภารกิจกว้างใหญ่ไพศาลเป็นการเรียกร้องให้มีการปฏิวัติทางสังคมและเศรษฐกิจทั่วทั้งทวีปอเมริกาเลยทีเดียว ในสหรัฐอเมริกาการคัดค้านโครงการนี้มาจากพวกที่คัดค้านการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ ส่วนในละตินอเมริกาเองพวกหัวเก่าก็ไม่อยากให้มีการปฏิรูปเกิดขึ้น เพราะหากมีการปฏิรูปก็จะทำให้พวกเขาต้องสูญเสียสถานภาพของตนไป ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งพื้นที่ในละตินอเมริกาก็มีอัตราการเพิ่มของประชากรอยู่ในระดับสูงมาก เป็นตัวกระตุ้นให้ต้องดำเนินการสร้างความทันสมัยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ข้างฝ่ายสหรัฐอเมริกาก็ยังคงให้ความช่วยเหลือในระดับปานกลาง ภายในกรอบปรัชญาทั่วไปของโครงการ
โครงการพัฒนาระยะ 10 ปีสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา ที่เสนอแนะโดยประธานธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี และได้รับการจัดตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1961ที่เมืองปุนตา เดล เอสเต ประเทศอุรุกวัย โดยประเทศสาธารณรัฐต่าง ๆ ในทวีปอเมริการทุกประเทศยกเว้นประเทศคิวบา แผนพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้านี้เป็นการรวมพลังความพยายามที่จะสนองความต้องการที่จะสร้างความทันสมัยให้เกิดขึ้นในภูมิภาค โดยวิธีให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันและการช่วยตนเองไปพร้อม ๆ กัน สหรัฐอเมริกาคาดการณ์ไว้ว่าในช่วงที่ดำเนินโครงการพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้าระยะเวลา 10 ปี จะมีเงินทุนจากภาครัฐบาลและภาคเอกชนไหลเข้าไปมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักลงทุนภาคเอกชนของประเทศที่มีทุนเหลือเฟือภายนอกภูมิภาค อย่างไรก็ตามประเทศผู้เข้าร่วมโครงการได้ให้การรับรองว่า ในที่สุดแล้วประเทศในแถบละตินอเมริกาเองก็จะต้องออกเงินสมทบอีก 4 เท่าตัวของเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อจะให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ โครงการพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้าเรียกร้องดังนี้ (1) ให้มีการวางแผนในระดับภูมิภาคโดยคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจและสังคมระหว่างรัฐในทวีปอเมริกา และโดยคณะกรรมการพัฒนาระหว่างรัฐในทวีปอเมริกา (2) ให้มีการร่วมมือและมีบูรณาการทางเศรษฐกิจ (3) ให้สร้างเสถียรภาพแก่ราคาสินค้าส่งออก (4) ให้ปฏิรูปที่ดินและภาษี (5) ให้พัฒนาอุตสาหกรรม และ (6) ให้ปรับปรุงสุขอนามัยและโอกาสทางการศึกษา
ความสำคัญ โครงการพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้านี้เข้าลักษณะ ”ท่าดีแต่ทีเหลว”เป็นไปอย่างอืดอาดยืดยาดในท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้งและสาดโคลนเข้าใส่กัน ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็สามารถอธิบายได้ว่า มาจากโครงการ ฯ มีภารกิจกว้างใหญ่ไพศาลเป็นการเรียกร้องให้มีการปฏิวัติทางสังคมและเศรษฐกิจทั่วทั้งทวีปอเมริกาเลยทีเดียว ในสหรัฐอเมริกาการคัดค้านโครงการนี้มาจากพวกที่คัดค้านการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ ส่วนในละตินอเมริกาเองพวกหัวเก่าก็ไม่อยากให้มีการปฏิรูปเกิดขึ้น เพราะหากมีการปฏิรูปก็จะทำให้พวกเขาต้องสูญเสียสถานภาพของตนไป ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งพื้นที่ในละตินอเมริกาก็มีอัตราการเพิ่มของประชากรอยู่ในระดับสูงมาก เป็นตัวกระตุ้นให้ต้องดำเนินการสร้างความทันสมัยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ข้างฝ่ายสหรัฐอเมริกาก็ยังคงให้ความช่วยเหลือในระดับปานกลาง ภายในกรอบปรัชญาทั่วไปของโครงการ
Bipartisanship
ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรค
ความมีเอกภาพระหว่างพรรคการเมืองในการแก้ปัญหาสำคัญของนโยบายต่างประเทศสหรัฐ ฯ ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคตั้งอยู่บนรากฐานของแนวความคิดของความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค (กล่าวคือ พรรคดีโมแครตและพรรครีพับลิกัน) ในสภาคองเกรส และระหว่างประธานาธิบดีกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน สมมติฐานของภาวะการปรองดองระหว่างสองพรรค ก็คือ เมื่อยามที่เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชาติ การเมืองในแบบพรรคใครพรรคมันก็จะต้องยุติลงในทันที เพื่อแสดงให้โลกภายนอกได้เห็นว่ามีความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ความสำคัญ ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคประสบความสำเร็จในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและในช่วงที่เกิดการแข่งขันกันในสงครามเย็นหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงใหม่ ๆ ระบบรัฐธรรมนูญของสหรัฐ ฯ ที่เป็นแบบแบ่งแยกอำนาจและมีการคานดุลระหว่างกันนี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติได้ ซึ่งหากว่าไม่มีภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคนี้เสียแล้ว ก็จะทำให้นโยบายต่างประเทศเป็นอัมพาตไปได้ ในที่สุดระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ก็จะมีการเลือกระหว่างทางสองแพ่ง คือ หนทางหนึ่งเป็นการยึดหลักการเมืองแบบพรรคใครพรรคมัน กล่าวคือ พรรคใดเป็นฝ่ายค้านพรรคนั้นก็จะทำหน้าที่ค้านอย่างเต็มที่ กับอีกหนทางหนึ่ง คือ ยึดความสามัคคีปรองดองภายในชาติ ที่เป็นประชาธิปไตยน้อยแต่ทว่ามีสมานฉันท์ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหานโยบายต่างประเทศ การที่ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคสำเร็จได้นั้น พรรคเสียงข้างน้อยจะต้องเกิดความรู้สึกว่าฝ่ายตนได้รับ "การปรึกษาหารือ" มิใช่เพียง "ได้รับการแจ้งให้ทราบ" เกี่ยวกับการตัดสินใจในนโยบาย
ความมีเอกภาพระหว่างพรรคการเมืองในการแก้ปัญหาสำคัญของนโยบายต่างประเทศสหรัฐ ฯ ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคตั้งอยู่บนรากฐานของแนวความคิดของความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค (กล่าวคือ พรรคดีโมแครตและพรรครีพับลิกัน) ในสภาคองเกรส และระหว่างประธานาธิบดีกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน สมมติฐานของภาวะการปรองดองระหว่างสองพรรค ก็คือ เมื่อยามที่เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชาติ การเมืองในแบบพรรคใครพรรคมันก็จะต้องยุติลงในทันที เพื่อแสดงให้โลกภายนอกได้เห็นว่ามีความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ความสำคัญ ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคประสบความสำเร็จในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและในช่วงที่เกิดการแข่งขันกันในสงครามเย็นหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงใหม่ ๆ ระบบรัฐธรรมนูญของสหรัฐ ฯ ที่เป็นแบบแบ่งแยกอำนาจและมีการคานดุลระหว่างกันนี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติได้ ซึ่งหากว่าไม่มีภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคนี้เสียแล้ว ก็จะทำให้นโยบายต่างประเทศเป็นอัมพาตไปได้ ในที่สุดระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ก็จะมีการเลือกระหว่างทางสองแพ่ง คือ หนทางหนึ่งเป็นการยึดหลักการเมืองแบบพรรคใครพรรคมัน กล่าวคือ พรรคใดเป็นฝ่ายค้านพรรคนั้นก็จะทำหน้าที่ค้านอย่างเต็มที่ กับอีกหนทางหนึ่ง คือ ยึดความสามัคคีปรองดองภายในชาติ ที่เป็นประชาธิปไตยน้อยแต่ทว่ามีสมานฉันท์ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหานโยบายต่างประเทศ การที่ภาวะปรองดองระหว่างสองพรรคสำเร็จได้นั้น พรรคเสียงข้างน้อยจะต้องเกิดความรู้สึกว่าฝ่ายตนได้รับ "การปรึกษาหารือ" มิใช่เพียง "ได้รับการแจ้งให้ทราบ" เกี่ยวกับการตัดสินใจในนโยบาย
Bricker Amendment
บริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์
ข้อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ที่เสนอในสภาครองเกรสโดยวุฒิสมาชิก จอห์น บริกเกอร์ แห่งมลรัฐ โอไฮโอ เมื่อปี ค.ศ. 1953 และปี ค.ศ. 1954 ข้อเสนอในบริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์มีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อเสริมสร้างบทบาทของสภาครองเกรสในการทำสนธิสัญญา (2) เพื่อจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการบรรลุข้อตกลงฝ่ายบริหาร และ (3) เพื่อสร้างหลักประกันว่ารัฐธรรมนูญมีความสำคัญเหนือกว่าบทบัญญัติของสนธิสัญญาใด ๆ ข้อเสนอนี้มีอันตกไปเพราะขาดเสียงสนับสนุนไปเสียงหนึ่งทำให้มีคะแนนเสียงไม่ถึงสองในสามในวุฒิสภา
ความสำคัญ บริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์ คือ ฉากหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการชิงดีชิงเด่นกันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร ในอันที่จะควบคุมความสัมพันธ์ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา พวกที่ให้การสนับสนุน บริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์ มีแรงกระตุ้นจากความกลัวว่าประธานาธิบดีจะทำสนธิสัญญาที่มีบทบัญญัติขัดกับรัฐธรรมนูญเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในกรณี มิสซูรีกับฮอลแลนด์ เมื่อ ค.ศ.1920 นอกจากนั้นแล้ว ข้อเสนอบริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์นี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นความไม่พอใจในข้อตกฝ่ายบริหารในระหว่างสงครามที่กระทำกันที่ยัลตาและปอตสดัมเมื่อปี ค.ศ. 1945 กับสะท้อนให้เห็นผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของสหประชาชาติในการบังคับใช้ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เป็นต้น หากข้อเสนอบริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์กระทำได้สำเร็จก็หมายถึงการกลับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ไปจากเดิมที่ฝ่ายบริหารเป็นผู้นำในกิจการต่างประเทศ รัฐบัญญัติ "เคสแอ็คท์" ปี ค.ศ. 1972 และรัฐบัญญัติ "วอร์พาวเวอร์สแอ็คท์" ปี ค.ศ. 1973 เป็นตัวอย่างของความพยายามของฝ่ายสภาครองเกรสที่จะปรับปรุงดุลอำนาจการตัดสินใจในกิจการระหว่างประเทศ โดยที่รัฐบัญญัติเคสแอ็คท์กำหนดให้ประธานาธิบดีจะต้องแจ้งข้อตกลงทางบริหารทุกอย่างที่ประธานาธิบดีกระทำให้สภาครองเกรสได้ทราบ ส่วนวอร์พาวเวอร์สแอ็คท์ก็เป็นความพยายามที่จะจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการใช้กำลังทางทหาร
ข้อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ที่เสนอในสภาครองเกรสโดยวุฒิสมาชิก จอห์น บริกเกอร์ แห่งมลรัฐ โอไฮโอ เมื่อปี ค.ศ. 1953 และปี ค.ศ. 1954 ข้อเสนอในบริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์มีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อเสริมสร้างบทบาทของสภาครองเกรสในการทำสนธิสัญญา (2) เพื่อจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการบรรลุข้อตกลงฝ่ายบริหาร และ (3) เพื่อสร้างหลักประกันว่ารัฐธรรมนูญมีความสำคัญเหนือกว่าบทบัญญัติของสนธิสัญญาใด ๆ ข้อเสนอนี้มีอันตกไปเพราะขาดเสียงสนับสนุนไปเสียงหนึ่งทำให้มีคะแนนเสียงไม่ถึงสองในสามในวุฒิสภา
ความสำคัญ บริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์ คือ ฉากหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการชิงดีชิงเด่นกันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร ในอันที่จะควบคุมความสัมพันธ์ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา พวกที่ให้การสนับสนุน บริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์ มีแรงกระตุ้นจากความกลัวว่าประธานาธิบดีจะทำสนธิสัญญาที่มีบทบัญญัติขัดกับรัฐธรรมนูญเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในกรณี มิสซูรีกับฮอลแลนด์ เมื่อ ค.ศ.1920 นอกจากนั้นแล้ว ข้อเสนอบริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์นี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นความไม่พอใจในข้อตกฝ่ายบริหารในระหว่างสงครามที่กระทำกันที่ยัลตาและปอตสดัมเมื่อปี ค.ศ. 1945 กับสะท้อนให้เห็นผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของสหประชาชาติในการบังคับใช้ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เป็นต้น หากข้อเสนอบริกเกอร์ อะเมนด์เม้นท์กระทำได้สำเร็จก็หมายถึงการกลับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ไปจากเดิมที่ฝ่ายบริหารเป็นผู้นำในกิจการต่างประเทศ รัฐบัญญัติ "เคสแอ็คท์" ปี ค.ศ. 1972 และรัฐบัญญัติ "วอร์พาวเวอร์สแอ็คท์" ปี ค.ศ. 1973 เป็นตัวอย่างของความพยายามของฝ่ายสภาครองเกรสที่จะปรับปรุงดุลอำนาจการตัดสินใจในกิจการระหว่างประเทศ โดยที่รัฐบัญญัติเคสแอ็คท์กำหนดให้ประธานาธิบดีจะต้องแจ้งข้อตกลงทางบริหารทุกอย่างที่ประธานาธิบดีกระทำให้สภาครองเกรสได้ทราบ ส่วนวอร์พาวเวอร์สแอ็คท์ก็เป็นความพยายามที่จะจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการใช้กำลังทางทหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)