Keurig K-Mini Single Serve K-Cup Pod Coffee Maker, Poppy Red

Google

Wednesday, October 21, 2009

Foreign Aid

การช่วยเหลือต่างประเทศ

ความช่วยเหลือทางด้านการทหาร ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมที่สหรัฐอเมริกามอบให้แก่ต่างประเทศ ชื่ือของโครงการช่วยเหลิือต่างประเทศและพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น จะมีการผันแปรเรื่อยไปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกี่ยวข้องและลักษณะของผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกาเป็นสำคัญ ระหว่างปี ค.ศ. 1948 -1952 การช่วยเหลือต่างประเทศมุ่งไปที่ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ยุโรปตะวันตกเป็นการใหญ่ในแผนมาร์แชลล์ ระหว่างปี ค.ศ. 1952 - 1959 เน้นการช่วยเหลือต่างประเทศโดยมุ่งไปทางการทหารเป็นหลัก เนื่องจากการเกิดสงครามเกาหลีและสหรัฐฯมีนโยบายสกัดกั้นลัทธิการขยายตัวของสหภาพโซเวียตและของจีน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 เป็นต้นมา การช่วยเหลือต่างประเทศเป็นแบบผสมระหว่างเศรษฐกิจกับการทหาร ซึ่งกำหนดโดยผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และปัญหาท้องถิ่นตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก การเน้นโครงการการช่วยเหลือต่างประเทศ อันเป็นผลเนื่องมาจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากสารธารณชนและจากสภาคองเกรส ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิม คือจากที่เคยให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าก็เปลี่ยนเป็นการให้เงินกู้ระยะยาวโดยมีดอกเบี้ยต่ำแทน นอกจากนี้แล้วก็ได้มีการพัฒนาบรรทัดฐานการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ก็จึงได้มีการเลือกเฟ้นในเรื่องการให้การช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้น

ความสำคัญ อำนาจทางเศรษฐกิจอันกว้างใหญ่ไพศาลของสหรัฐอเมริกา ก็คือ ข้อเท็จจริงทางการเมืองแห่งชีวิตระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และโครงการช่วยเลือต่างประเทศอันเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ก็ได้เป็นพาหะอย่างหนึ่งถูกนำมาใช้เพื่อแสดงออกซึ่งอำนาจนั้น การช่วยเหลือต่างประเทศสามารถนำไปใช้ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย คือ (1) เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว (2) เพื่อผลประโยชน์ทางด้านมนุษยธรรม (3) เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น และ(4) เพื่อฉกฉวยโอกาสเพื่อผลในระยะยาวที่มีลักษณะแสดงถึงความมีวิสัยทัศน์ แต่การช่วยเหลือต่างประเทศ ของสหรัฐมีวัตถุประสงค์หลักแต่แรก ก็คือ (1) เพื่อเป็นการซื้อเวลาไม่ให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ใช้ความรุนแรงทำการเปลี่ยนแปลงโลก และ (2) เพื่อจัดระเบียบโลกเสียใหม่ให้เป็นโลกที่อิงอาศัยกระบวนการระหว่างประเทศที่ยึดหลักสันติวิธี หลังจากที่ดำเนินโครงการช่วยเหลือต่างประเทศมาหลายปี การสนับสนุนของฝ่ายบริหาร ของฝ่ายนิติบัญญัติ และของฝ่ายสาธารณชนที่ให้ต่อการช่วยเหลือนี้ได้จางหายไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าช่องว่างของรายได้รายหัวระหว่างประชาชนของประเทศร่ำรวยกับของประเทศยากจนจะถ่างกว้างมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 และการช่วยเหลือต่างประเทศนี้จะช่วยลดช่องว่างนี้ได้ แต่ปรากฎว่าสัดส่วนของงบประมาณแผ่นดินของสหรัฐอเมริกาที่จัดสรรให้แก่โครงการช่วยเหลือต่างประเทศกลับหดเล็กลง

No comments:

Post a Comment

Google